สืบสานประเพณีสงกรานต์ เทศกาลปีใหม่ไทย
IP: 124.122.219.117
 
 
 
 
 

สืบสานประเพณีสงกรานต์ เทศกาลปีใหม่ไทย

วันสงกรานต์ ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณ เป็นประเพณีที่เก่าแก่ งดงาม และเต็มไปด้วยบรรยากาศของความกตัญญู ความสนุกสนาน ความอบอุ่น และการแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของความเป็นไทยได้อย่างชัดเจนโดยใช้ "น้ำ" เป็นสื่อในการเชื่อมสัมพันธไมตรี ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยมีประเพณีวันสงกรานต์ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในกฎมณเฑียรบาล ซึ่งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดฯ ให้ตราขึ้น กล่าวถึงการพระราชพิธีเผด็จศกและพระราชพิธีลดแจตร พระราชพิธีเผด็จศกเป็นพิธีการเกี่ยวกับการตัดจากปีเก่า ขึ้นสู่ปีใหม่ ส่วนพระราชพิธีลดแจตรนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสันนิฐานว่าหมายถึงพระราชพิธีรดน้ำเดือน ๕ แสดงให้เห็นว่าประเพณีวันสงกรานต์ของหลวงมีมาตั้งแต่ต้นสมัยกรุงศรีอยุธยา

คำว่า "สงกรานต์" หรือ “สํ-กรานต” มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า ก้าวขึ้น ผ่าน หรือการเคลื่อนที่ ย้ายที่ หมายถึง เวลาที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากตีหนึ่งไปสู่อีกราศีหนึ่งไปสู่อีกราศีหนึ่งทุก ๆ เดือน เรียกว่า สงกรานต์เดือน ยกเว้นเมื่อพระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ เมื่อใดก็ตามจะเป็นสงกรานต์ และเรียกชื่อพิเศษว่า "มหาสงกรานต์" ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามคติพราหมณ์ โดนเป็นการนับทางสุริยคติ (วิธีนับวันและเดือนโดยถือกำหนดตำแหน่งดวงอาทิตย์เป็นหลัก) ดังนั้น การกำหนดวันนับสงกรานต์จึงตกอยู่ในระหว่างวันที่ ๑๓, ๑๔ และ ๑๕ เมษายน ซึ่งทั้ง ๓ วันจะมีชื่อเรียกเฉพาะดังนี้ 

          วันที่ ๑๓ เมษายน เรียกว่า มหาสงกรานต์ หมายถึง วันที่ดวงอาทิตย์ก้าวขึ้นสู่ราศีเมษอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ผ่านการเข้าสู่ราศีอื่น ๆ แล้วจนครบ ๑๒ เดือน

          วันที่ ๑๔ เมษายน เรียกว่า วันเนา หมายถึง วันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าอยู่ราศีเมษประจำที่เรียบร้อยแล้ว

          วันที่ ๑๕ เมษายน เรียกว่า เถลิงศก หรือวันขึ้นศก คือวันที่เริ่มจุดเปลี่ยนศักราชใหม่ การที่กำหนดให้อยู่ในวันนี้นั้นเพื่อให้แน่ใจได้ว่าดวงอาทิตย์โคจรขาดจากราศีมีนขึ้นอยู่ราศีเมษแน่นอนแล้ว อย่างน้อย ๑ องศา

ตำนานการกำเนิดวันสงกรานต์

          ตำนานการเกิดสงกรานต์  กล่าว ไว้ว่า  ก่อนพุทธกาลมีเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง  อายุเลยวัยกลางคนก็ยังไร้ทายาทสืบสกุล  ซึ่งทำให้ท่านเศรษฐีทุกข์ใจเป็นอันมาก  ข้างรั้วบ้านเศรษฐีมีครอบครัวหนึ่ง  หัวหน้าครอบครัวเป็นนักเลงสุรา  ถ้าวันไหนร่ำสุราสุดขีด  ก็จะพูดเสียงดังแสดงวาจาเยาะเย้ยเศรษฐีสบประมาทในความมีทรัพย์มาก  แต่ไร้ทายาทสืบสมบัติเสมอ  วันหนึ่งเศรษฐี จึงถามว่ามีความขุ่นเคืองอะไรจึงแสดงอาการเยาะเย้ยและสบประมาท  เฒ่านักดื่มจึงตอบ  ถึงท่านมั่งมีสมบัติมากก็จริง  แต่เป็นคนมีบาปกรรมท่านจึงไม่มีบุตร  ตายไปแล้วสมบัติก็ตกเป็นของผู้อื่นหมด  สู้เราไม่ได้ถึงแม้จะยากจนแต่ก็มีบุตรคอยดูแลรักษายามเจ็บไข้  และรักษาทรัพย์สมบัติเมื่อเราสิ้นใจ  นับ แต่นั้นมา  เศรษฐียิ่งมีความเสียใจ  จึงพยายามไปบวงสรวงพระอาทิตย์และพระจันทร์  เพียรพยายามตั้งจิตอธิษฐานขอบุตร  ทำเช่นนี้เป็นเวลาติดต่อกันถึงสามปี  ก็ไม่ได้บุตรดังที่ตนปรารถนาจนวันหนึ่งเป็นวันนักขัตฤกษ์สงกรานต์  ท่านเศรษฐีก็พาข้าทาสบริวารของตนมาที่โคนต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง  ที่อยู่บนฝั่งแม่น้ำที่อาศัยของนกทั้งหลา ย ท่านเศรษฐีให้บริวารล้างข้าวสารด้วยน้ำสะอาดถึง  ๗  ครั้ง  แล้วจึงหุงข้าวสารนั้น  เมื่อสุกแล้วยกขึ้นบูชาพระไทร  เทพเหล่านั้นเกิดความสงสาร  จึงขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์  ทูลขอบุตรแก่เศรษฐี  พระอินทร์จึงบัญชาให้เทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ  "ธรรมบาล" ลงมาเกิดในครรภ์ของภรรยาเศรษฐี  เมื่อครบกำหนดภรรยาเศรษฐีก็คลอดบุตรเป็นชาย  เศรษฐีจึงตั้งชื่อว่า  ธรรมบาลกุมาร เพื่อตอบสนองพระคุณเทพเทวา  เศรษฐีจึงสร้างปราสาทสูง  ๗  ชั้น  ถวายเทพต้นไทร

          เมื่อธรรมบาลกุมารเจริญวัยขึ้น  เป็นเด็กที่มีปัญญาเฉียบแหลม  รอบรู้  และวัยเพียง  ๗  ขวบก็เรียนจบไตรเพท  ยังมีเทพองค์หนึ่งชื่อ  "ท้าวกบิลพรหม" ได้ยินกิตติศัพท์ทางสติปัญญาอันยอดเยี่ยมของเด็กน้อย  จึงคิดทดลองภูมิปัญญาโดยการเอาชีวิตเป็นเดิมพันจึงถามปัญหา  ๓  ข้อ  ถ้ากุมารน้อยแก้ปัญหาทั้ง  ๓  ข้อได้  กบิลพรหมจะตัดศีรษะของตนบูชา  ถ้าธรรมบาลแก้ไม่ได้  ก็จะต้องเสียหัวเพื่อยอมรับความพ่ายแพ้  ปัญหานั้นมีว่า

          ๑. ตอนเช้าราศีคนอยู่แห่งใด

          ๒. ตอนเที่ยงราศีของคนอยู่แห่งใด

          ๓. ตอนค่ำราศีของคนอยู่แห่งใด

          เมื่อได้ฟังปัญหาแล้ว  ธรรมบาลไม่อาจทราบคำตอบในทันทีได้  จึงผลัดวันตอบปัญหาไปอีก  ๗  วัน  ครั้นเวลาล่วงจากนั้นไป  ๖  วัน ธรรมบาลกุมารก็ยังคิดหาคำตอบปัญหานั้นไม่ได้  จึงหลบออกจากปราสาทหนีเข้าป่า  และไปนอนพักเอาแรงใต้ต้นตาล  ขณะนั้นบนต้นตาลมีนกอินทรีคู่หนึ่งอาศัยอยู่  นางนกถามสามีว่า  "พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารที่ไหน"  นกสามีก็ตอบว่า  "พรุ่งนี้เราไม่ต้องบินไปไกล  เพราะจะได้กินเนื้อธรรมบาลกุมาร  ซึ่งจะถูกท้าวกบิลพรหมตัดหัว  เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ได้  นางนกถามว่า "ปัญหานั้นว่าอย่างไร"  นกสามีตอบว่า ปัญหามีอยู่  ๓  ข้อ  และหมายถึง

          ข้อหนึ่ง ตอนเช้าราศีของมนุษย์อยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุกๆ เช้า

          ข้อสอง ตอนเที่ยงราศีคนอยู่ที่อก มนุษย์จึงต้องเอาเครื่องหอมประพรมที่อก

          ข้อสาม ตอนค่ำราศีคนอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน

          ธรรมบาลกุมาร  ได้ยินการไขปัญหาของนกอินทรี  และจำจนขึ้นใจ  ทั้งนี้เพราะธรรมบาลรู้ภาษานก  จึงกลับสู่ปราสาทอันเป็นที่อยู่แห่งตน  รุ่งขึ้นเป็นวันครบกำหนดแก้ปัญหา  ท้าวกบิลพรหมมาฟังคำตอบ  ธรรมบาลกุมารกล่าวแก้ปัญหาตามที่นกอินทรีคุยกันทุกประการ  ท้าวกบิลพรหมจึงเรียก  ธิดาทั้ง  ๗  ของตน อันเป็นบริจาริกาคือหญิงรับใช้ของพระอินทร์มาพร้อมกั น แล้วบอกว่าตนจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร  แต่ถ้าเอาศีรษะพ่อวางไว้บนแผ่นดินก็จะลุกไหม้ไปทั้งโลก  ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ  อากาศจะแห้งแล้งฟ้าฝนจะหายไปสิ้น  ถ้าทิ้งลงไปในมหาสมุท ร น้ำในมหาสมุทรจะแห้งแล้งไปเช่นกัน  จึงสั่งให้นางทั้ง  ๗  คน  เอาพานมารองรับศีรษะแล้วจึงตัดศีรษะส่งให้นางทุงษธิดาคนโต  นางทุงษจึงเอาพานรับเศียรบิดาไว้แล้วแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ  ๖๐  นาที  แล้วอัญเชิญไปไว้ในมณฑปถ้ำคันธุรลี  เขาไกรลาส  บูชาด้วยเครื่องทิพย์  พระเวสสุกรรมก็เนรมิตโรงประดับด้วยแก้ว  ๗  ประการ  ชื่อภควดี  ให้เป็นที่ประชุมเทวดา  เทวดาทั้งปวงก็เอาเถาฉมูนวดลงมาล้างในสระอโนดาต  ๗  ครั้ง  แล้วก็แจกกันเสวยทุก ๆ องค์  ครั้นครบ  ๓๖๕  วัน  โลกสมมุติว่าเป็นหนึ่งปีเป็นสงกรานต์  ธิดา  ๗  องค์  ของเท้ากบิลพรหมก็ผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรของพระบิดาออกแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุทุกปี  แล้วจึงกลับไปเทวโลก

ตำนานนางสงกรานต์

          นางสงกรานต์  เป็นธิดาของท้าวกบิลพรหม  หรือท้าวมหาสงกรานต์  และเป็นนางฟ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช  (สวรรค์ชั้นที่  ๑  ในทั้งหมด  ๖  ชั้น)  ซึ่งมีหน้าที่ในการรับศรีษะของท้าวกบิลพรหมแห่รอบเขาพระสุเมรุในแต่ละรอบปี หรือในวันสงกรานต์นั้นเอง  โดยมีเกณฑ์กำหนดที่ว่าวันสงกรานต์  คือวันที่  ๑๓  เมษายน  ตรงกับวันใดก็ให้นางสงกรานต์ประจำวันนั้นเป็นผู้แห่  นางสงกรานต์มีทั้งหมด  ๗  องค์  ได้แก่

          ๑. นางสงกรานต์ทุงษเทวี

          ทุงษเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันอาทิตย์  ทัดดอกทับทิม  มีปัทมราค  (แก้วทับทิม)  เป็นเครื่องประดับ  ภักษาหารคืออุทุมพร  (มะเดื่อ)  อาวุธคู่กาย  พระหัตถ์ขวาถือจักร  พระหัตถ์ซ้ายถือสังข์  เสด็จไสยาสน์เหนือปฤษฎางค์ครุฑ

          ๒. นางสงกรานต์โคราดเทวี

          โคราดเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันจันทร์  ทัดดอกปีป  มีมุกดาหาร  (ไข่มุก)  เป็นเครื่องประดับ  ภักษาหารคือเตละ  (น้ำมัน)  อาวุธคู่กาย  พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า  เสด็จประทับเหนือพยัคฆ์  (เสือ)

          ๓. นางสงกรานต์รากษสเทวี

          รากษสเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันอังคาร  ทัดดอกบัวหลวง  มีโมรา  (หิน)  เป็นเครื่องประดับ  ภักษาหารคือโลหิต  (เลือด)  อาวุธคู่กาย  พระหัตถ์ขวาถือตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายถือธนู  เสด็จประทับเหนือวราหะ  (หมู)

          ๔. นางสงกรานต์มัณฑาเทวี

          มัณฑาเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันพุธ  ทัดดอกจำปา  มีไพฑูรย์  (พลอยสีเหลืองแกมเขียว)  เป็นเครื่องประดับ  ภักษาหารคือนมและเนย  อาวุธคู่กาย  พระหัตถ์ขวาถือเหล็กแหลม  พระหัตถ์ว้ายถือไม้เท้า  เสด็จไสยาสน์เหนือปฤษฎางค์คัสพะ (ลา)

          ๕. นางสงกรานต์กิริณีเทวี

          กิริณีเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันพฤหัสบดี  ทัดดอกมณฑา  (ยี่หุบ)  มีมรกตเป็นเครื่องประดับ  ภักษาหารคือถั่วและงา  อาวุธคู่กาย  พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือปืน  เสด็จไสยาสน์เหนือปฏษฎางค์ชสาร  (ช้าง)

          ๖. นางสงกรานต์กิมิทาเทวี

          กิมิทาเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันศุกร์  ดัดดอกจงกลนี  มีบุษราคัมเป็นเครื่องประดับ  ภักษาหารคือกล้วยและน้ำ  อาวุธคู่กาย  พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์  พระหัตถ์ซ้ายถือพิณ  เสด็จประทับยืนเหนือมหิงสา  (ควาย)

          ๗. นางสงกรานต์มโหทรเทวี

          มโหทรเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันเสาร์  ทัดดอกสามหาว  (ผักตบชวา)  มีนิลรัตน์เป็นเครื่องประดับ  ภักษาหารคือเนื้อทราย  อาวุธคู่กาย  พระหัตถ์ขวาถือจักร พระหัตถ์ซ้ายถือตรีศูล  เสด็จประทับเหนือมยุราปักษา  (นกยูง)

สำหรับในวันสงกรานต์ หรือวันปีใหม่ไทย ประจำปี ๒๕๖๗ ตรงกับวันเสาร์ ที่ ๑๓ เมษายน เวลา ๒๒ นาฬิกา ๑๗ นาที ๒๔ วินาที จันทรคติ ตรงกับ วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือนห้า ปีมะโรง นางสงกรานต์ นามว่า "นางมโหธรเทวี" ทัดดอกสามหาว ทรงพาหุรัด อาภรณ์ด้วยแก้วนิลรัตน์ ภักษาหารคือเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา

ที่มา : กระทรวงวัฒนธรรม, กรมศิลปากร




   
   
 
 

soatsolution โปรแกรมสหกรณ์ สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์ฯ